แปะก๊วย
ชื่อวิทยาศาตร์
Gingko biloba Linn.1
ลักษณะของพืช
เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 10-25 ม. ทุกส่วนไม่มีขน แตกกิ่งก้านสาขาห่าง ๆ เปลือกสีเทาต้นแก่เปลือกสีน้ำตาลอมเหลือง ใบออกมาจากปลายกิ่งสั้น กิ่งละ 3-5 ใบ รูปพัดจีน กว้าง 5-8 ซม. ยาวประมาณ 8 ซม. ปลายใบเว้าตรงกลาง มีรอยเว้าตื้น ๆ หลายแห่ง หรือเป็นคลื่น โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ เส้นใบเรียงถี่ ๆ เป็นรูปพัด ใบอ่อนสีเขียวอ่อน ใบแก่สีเขียวเข้ม ก่อนผลัดใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก้านใบเรียวยาว ดอกเป็นดอกแยกเพศ และอยู่ต่างต้นกัน ออกที่ปลายกิ่งสั้น บริเวณเดียวกับที่เกิดใบ ดอกเพศผู้แต่ละกิ่งจะออกประมาณ 4-6 ช่อ ลักษณะช่อเป็นแท่งห้อยลง มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก อับเรณูติดที่ปลายก้านเกสร มี 2 ลอน ดอกเพศเมียออกกิ่งละ 2-3 ดอก ดอกมีก้านยาว ที่ปลายก้านมีไข่ 2 เมล็ด ไข่ไม่มีรังไข่หุ้ม แต่มักจะเจริญเติบโตเพียงเมล็ดเดียว ผลรูปค่อนข้างกลมหรือรีมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. เป็นผลชนิดมีเนื้อนุ่มแต่เมล็ดแข็ง เมื่อสุกสีเหลือง ผิวสีนวล กลิ่นค่อนข้างเหม็น เมล็ดรูปรีหรือรูปไข่ เปลือกแข็ง สีออกเหลืองนวล เนื้อภายในเมล็ดเมื่อทำให้สุกใช้เป็นอาหารได้ทั้งคาว และหวาน เรียกว่า "แปะก๊วย"1
ส่วนที่ใช้ทำยา
ใบ เมล็ด1
สรรพคุณและวิธีใช้
สารสกัดจากใบ มีฤทธิ์ในการช่วยไหลเวียนของโลหิต มีฤทธิ์ฆ่าแมลงศัตรูพืช เมล็ด กินได้เมื่อขจัดสารพิษออกแล้ว ใช้เป็นยาฝาดสมาน ระงับประสาท ขับเสมหะ แก้ไอ หืดหอบ บำรุงร่างกาย ฟอกเลือด ขับพยาธิ ลดไข้และสารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์เป็นยาชีวนะต่อเชื้อวัณโรค- เปลือกเมล็ด มีฤทธิ์กัดทำลาย เมื่อสัมผัสจะทำให้ผิวหนังอักเสบ และมีผู้นำมาใช้เป็นยาฆ่าแมลง1
ผลิตภัณฑ์
ยาเม็ดซึ่งมีสารสกัดจากใบแปะก๊วยแห้ง สรรพคุณ บำรุงสุขภาพ และใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับสมอง การได้ยิน การทรงตัว
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น